"ผมรู้ตัวว่าผมอายุพอสมควรแล้ว และฟุตบอลโลก 2022 กาตาร์ นี้จะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายของผมในการเล่นให้กับทีมชาติโครเอเชีย" ลูก้า โมดริช ให้สัมภาษณ์กับฟีฟ่า ซึ่งแฟนๆ เองก็ทราบดีว่าในสนามนั้น โมดริช ยังไม่เคยชะลอความเร็วในการทำเกมมิดฟิลด์เลยสักครั้งในการเล่นของกองกลางอายุ 37 ปี ซึ่งลองย้อนไปเมื่อฟุตบอลโลก 2018 รัสเซีย เขาได้รับรางวัลบัลลงดอร์ จากการนำทีมชาติโครเอเชียเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนแรก ยกเว้น เมสซี หรือ โรนัลโด้ ที่คว้ารางวัลนี้ได้ในรอบกว่า 10 ปี

รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจากยูฟ่า

ในปี 2018 โมดริชได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า ควบกับผู้เล่นชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่า หลังจากที่เขาคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกให้กับ สโมสร เรอัล มาดริด ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพกับดินาโม ซาเกร็บ ผู้เล่นทีมจากโครเอเชียในปี 2544 โมดริชได้กลายมาเป็นไอคอนแห่งโลกกีฬาและฟุตบอลมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ส่วนช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์และความพ่ายแพ้ของเขา โมดริชได้รับการขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์ออร์เคสตรา โดยสร้างความประทับใจให้กับเรอัล มาดริดมากที่สุด และสามารถทำการจ่ายบอลได้มากที่สุด

กัปตันชาวโครเอเชียเพิ่งตกลงที่จะต่อสัญญากับเรอัล มาดริดจนถึงปี 2023 และอาจยุติอาชีพค้าแข้งกับลอส บลังโกสได้ เขาถือถ้วยรางวัล 20 รายการ ซึ่งรวมถึง 4 รายการ FIFA Club World Cup ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Modric ได้จารึกชื่อของเขาไว้ในหอเกียรติยศเรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ มิดฟิลด์รายนี้ลงเล่นให้โครเอเชียมาแล้วกกว่า 150 นัด ซึ่งเป็นเกมมากกว่านักเตะทุกคนในประวัติศาสตร์ของทีม สถิติของลูก้าโมดริด คือการทำไปแล้วทั้งหมด 22 ประตู ทีมของโมดริชอยู่รวมกลุ่มกับ โมร็อกโก แคนาดา และเบลเยียม ซึ่งแน่นอนว่าชาวเบลเยียมจะท้าทายทีมของโมดริชให้หลุดออกจากกลุ่ม ในขณะที่พวกเขาแข่งกันเพื่อหวนคืนตำแหน่งแชมป์ฟีฟ่า